รักษาสิว ให้เหมาะกับผิวคุณ ทางเลือกที่หมอผิวหนังแนะนำ
สิว คือ การอักเสบของรูขุมขนบริเวณผิวหนัง เกิดจากเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วไม่เกิดการผลัดตัว
ร่วมกับการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันที่มากจนเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและต่อมไขมันขึ้นค่ะ ถ้าสิวไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จะกลายเป็นแหล่งอาหารของเชื้อแบคทีเรีย (P.Acne) ทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบและมีโอกาสเป็นหนองได้
สิวแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ สิวที่ไม่อักเสบ(สิวอุดตัน หรือ Comedone) และสิวอักเสบ
ที่มักเกิดตามหลังสิวหัวปิดที่ไม่ได้รับการรักษา สาเหตุของการเกิดสิวจะแบ่งได้ ดังนี้
สาเหตุของการเกิดสิว
สาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้ามีญาติสายตรงเป็นสิว ก็มีโอกาสที่จะเป็นสิวมากขึ้น
จะกระตุ้นทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเยอะขึ้นและส่งผลให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้วัยรุ่นมีโอกาสเป็นสิวได้มาก นอกจากนี้ช่วงที่ระดับฮอร์โมนแกว่ง เช่น ช่วงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์จะทำให้เป็นสิวได้ง่ายเช่นกันค่ะ
สาเหตุที่หลีกเลี่ยงได้
หรือความมันที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้า ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน นอกจากนี้ส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ ทำให้เกิดสิวอักเสบได้
เช่น ใช้ผ้าเช็ดหน้าไม่สะอาด หรือใช้ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้ซักเป็นระยะเวลานาน หรือการล้างหน้าที่บ่อยจนเกินไป
จะทำให้เกิดสิวอักเสบได้มากขึ้น
เป็นการนำพาเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ (P.Acne) มาอยู่ที่ผิวหนังบนใบหน้าได้
จะทำให้ผิวไม่แข็งแรง ก่อให้เกิดสิวหัวขาวและสิวผดได้ค่ะ
จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนมากขึ้น ก่อให้เกิดสิวมากขึ้น
ชานมไข่มุก น้ำอัดลม ช็อคโกแลต นมพร่องมันเนย อาหารทอดและฟาสต์ฟู้ด จะทำให้สิวเห่อได้
ยาบางชนิดที่ทานเป็นประจำสามารถก่อให้เกิดสิวได้ เช่น สเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด ยาฮอร์โมน เป็นต้น
มีส่วนทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เกิดการอุดตันของรูขุมขนและทำให้เกิดสิวเพิ่มในที่สุด
ส่วนใหญ่แล้วคนเป็นสิวจะมีปัจจัยก่อให้เกิดสิวร่วมกันหลายข้อ
เมื่อเป็นสิว จะต้องดูแลตัวเองอย่างไร
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวถือเป็นเรื่องสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้สิวอักเสบมากขึ้นและป้องกันไม่ให้เกิดสิวใหม่ขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นคนที่เป็นสิวควรต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งในบางรายอาจจะต้องรักษากันเป็นระยะเวลานานหลายเดือน
ขั้นตอนแรก เราควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดสิวดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ได้แก่
ล้างหน้าให้สะอาด อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และล้างหลังมีเหงื่อออกเยอะๆ โดยใช้ปลายนิ้วสัมผัสเบาๆ
เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิวรุนแรง เช่น การสครับผิว
สระผมทุกวัน ถ้าเป็นคนผมมัน
หลีกเลี่ยงใช้มือแคะ แกะ เกา บริเวณใบหน้าหรือทำการบีบสิว
ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่เครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
ทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด ช็อคโกแล็ต หรือนมพร่องมันเนย
หลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดดและปรับการใช้เวชสำอางให้เหมาะสม
รีบพบแพทย์ผิวหนังทันที เมื่อสิวอักเสบมากขึ้นทั่วใบหน้า หรือดูแลด้วยตัวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น
สิวที่เกิดจากการใส่หน้ากาก (Maskne)
ช่วงโควิดระบาดนี้ หลายๆคนที่ใส่หน้ากากทั้งวัน อาจมีสิวขึ้นใต้หน้ากากเยอะ เนื่องจากภายใต้หน้ากากเต็มไปด้วยความอับชื้นจากละอองน้ำลายที่เกิดจากการพูด ไอหรือจาม และยังมีความร้อน คอยกระตุ้นให้ต่อมไขมันหลั่งน้ำมันและเหงื่อออกมากขึ้น ก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย เป็นที่มาของของการเกิดสิวใต้หน้ากากได้ค่ะ
เรามีทริคการใส่หน้ากากเพื่อไม่ให้เกิดสิวง่ายๆ 9 ข้อมาฝากกันค่ะ
เลือกหน้ากากที่มีความพอดีกับใบหน้า ขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป
รักษาความสะอาดของหน้ากาก เมื่อถอดออกควรเก็บใส่ซองหรือถุงซิปล็อคที่สะอาดปลอดเชื้อ
ควรเปลี่ยนหน้ากากเปลี่ยนทุกวันและไม่นำกลับมาใช้ซ้ำอีก
เลือกหน้ากากที่มีเนื้อภายในอ่อนนุ่ม เพื่อลดการระคายเคืองของผิวหน้า
ถอดหน้ากากพักเมื่อใส่ครบทุก 4 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวหน้าได้มีการระบายอากาศ เปรียบเสมือนให้ผิวได้หายใจ โดยควรถอดพักประมาณ 10-15 นาที
ล้างหน้าให้สะอาดหลังจากที่ถอดหน้ากาก ถ้าแต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดเยอะๆควรใช้ Makeup Remover หรือ Micellar water เช็ดทำความสะอาดใบหน้าก่อนการล้างหน้าทุกครั้ง เพื่อป้องกันการอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ปราศจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหน้า แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Hypoallergenic (ไม่ทำให้เกิดการแพ้) Non-Comedogenic (ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน และควรปราศจากน้ำมัน (Oil-Free), ปราศจากน้ำหอม (No Perfume/Fragrance) และปราศจากสารกันบูด (No Preservatives)
เลือกแต่งหน้าเพียงครึ่งบนของใบหน้า ที่ไม่ได้สัมผัสกับบริเวณที่ใส่หน้ากาก หรืออาจแต่งหน้าบางๆ หรืองดแต่งหน้าไปเลยก็ได้
รองกระดาษเช็ดหน้า เนื้อนุ่ม ที่ชั้นในของหน้ากากแล้วเปลี่ยนบ่อยๆระหว่างวัน
เป็นสิว ต้องใช้ครีมมั้ย? กันแดดทาแล้วอุดตันจริงมั้ย?
มีความเข้าใจผิดกันเยอะ ว่าเมื่อเป็นสิวไม่ควรใช้ครีมหรือเวชสำอางใดๆ เพราะจะทำให้เกิดการอุดตันของต่อมไขมันได้ แท้จริงแล้วก็ถูกครึ่งนึง ผิดครึ่งนึงค่ะ
การใช้เวชสำอางสำหรับคนเป็นสิวนั้น หลักการสำคัญคือ Less is more (น้อยแต่มาก) คือ ควรเลือกใช้แต่สกินแคร์ที่จำเป็น ไม่ต้องใช้ทุกอย่าง ที่มีคุณสมบัติรักษาสิวและไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อผิวค่ะ
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleanser)
หลักการสำคัญของการเลือกคลีนเซอร์สำหรับคนเป็นสิวมีดังนี้
ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีค่าความเป็นกรดเหมาะกับสภาพผิวหน้าเรา นั่นคือ pH น้อยกว่า 6
เลือกคลีนเซอร์ที่ใช้สารทำความสะอาด(Surfactant)ที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีฟองเยอะ ซึ่งมักจะมีสาร Surfactant ที่รุนแรง เช่น Sodium Lauryl Sulfate(SLS)และ Sodium Laureth Sulfate(SLES) ที่เป็นส่วนผสมในน้ำยาล้างจานและน้ำยาล้างห้องน้ำ
ใช้มือล้างหน้าเบาๆนาน 1 นาที เพื่อให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างหมดจด
ใช้ Oil cleanser หรือ Micellar water ทำความสะอาดผิวก่อนใช้คลีนเซอร์ ถ้ามีใช้เครื่องสำอางหรือทาครีมกันแดดบ่อยๆระหว่างวัน
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เช้าและเย็น
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิว ความเข้าใจผิดที่ว่าหน้ามันแล้วไม่ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์นั้นไม่ถูกต้องค่ะ เพราะคนที่มีผิวหน้ามันอาจเกิดจากผิวที่แห้งได้เช่นกัน เนื่องจากในสภาพผิวแห้ง ต่อมไขมันจะถูกกระตุ้นให้สร้างน้ำมันมากกว่าเดิม ทำให้มีโอกาสเกิดสิวอุดตันมากขึ้น
นอกจากนี้ คนเป็นสิวมักจะต้องทายารักษาสิวเป็นประจำ เช่น Benzac(Benzoyl Peroxide), Vit.A derivative (Retin-A, Tretinoin) หรือใช้เวชสำอางที่มีสารออกฤทธิ์รักษาสิว เช่น AHA, BHA ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ยารักษาสิวเหล่านี้จะทำให้ผิวแห้งกร้านและระคายเคืองง่าย การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ผิวหนังเราจึงไม่ต้องสร้างน้ำมันออกมามากเกินไป นอกจากนี้ยังทำให้ผิวแข็งแรงพอที่จะทนต่อการใช้ยารักษาสิวได้มากขึ้น
คำแนะนำ
- ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ทุกวัน เช้า-เย็น
- หลังล้างหน้าเสร็จให้ซับหน้าหมาดๆด้วยผ้าสะอาด หลังจากนั้นให้รีบทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทันที เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียน้ำทางผิวหนัง
- แนะนำให้ใช้เป็นเนื้อซีรั่ม โลชั่น เจลหรือครีมก็ได้(ไม่แนะนำให้ใช้กลุ่ม oil)
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน (Non-comedogenic หรือ Won’t clog pores)
ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอ
แสงแดดจะทำให้ผิวหนังแห้งไว ทำให้เซลล์ผิวหนังตายมากขึ้น และยังกระตุ้นให้ต่อมไขมันหลั่งน้ำมันออกมามากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้อาจมีโอกาสก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน นอกจากนี้ภาวะที่ผิวหลั่งน้ำมันมากเกินไป จะทำให้เชื้อแบคทีเรีย C.acne เจริญเติบโต เกิดเป็นสิวอักเสบมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้คนเป็นสิวมักจะต้องใช้ยารักษาสิว ที่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ผิวหนังจึงเกิดการระคายได้ง่ายขึ้น การใช้ครีมกันแดดจึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนเป็นสิวค่ะ
คำแนะนำ
- ควรใช้ครีมกันแดดทุกวัน โดยเลือกที่มีค่า SPF50 PA+++ ขึ้นไป แม้ในวันที่ไม่ออกแดดกลางแจ้ง
- ปริมาณครีมกันแดดที่เหมาะสม คือ สองข้อนิ้วมือ ทาทั่วใบหน้าและลำคอ โดยทาซ้ำระหว่างวันทุกๆ สองชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแดดจัด
- เลือกครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนประกอบที่ก่อให้เกิดสิวอุดตันหรือที่มีฉลากระบุว่า Non-comedogenic หรือ Won’t clog pores
- แนะนำให้ใช้กลุ่ม Physical หรือ Mineral sunscreen (ที่ออกฤทธิ์สะท้อนแสงแดด) เพราะก่อให้เกิดการระคายเคืองได้น้อยกว่า Chemical sunscreen ค่ะ
สารออกฤทธิ์รักษาสิว
(ส่วนผสม Active) ควรเริ่มจากเลือกตัวใดตัวหนึ่ง ไม่ควรใช้ร่วมกันหลายตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำให้ใช้สำหรับคนเป็นสิว ได้แก่
AHA(เช่น Glycolic acid) ช่วยออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ขจัดสิวหัวขาวและหัวดำ(สิวเม็ดเล็ก)
BHA(เช่น Salicylic acid) ช่วยขจัดไขมันจากรูขุมขนได้ล้ำลึกกว่า แต่มีความอ่อนโยนและระคายเคืองน้อยกว่า AHA โดยทั่วไปจะนิยมใช้คู่กับ AHA เพราะช่วยลดสิวอุดตันได้ดี
Vit B3(หรือ Niacenamide) ช่วยควบคุมความมัน ลดสิวอุดตัน ทำให้ผิวแข็งแรง
เจลแต้มสิว
ช่วยแก้ปัญหาชั่วคราว ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย BHA, AHA และ Zinc PCA เป็นหลัก ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในการลดสิว
ปัญหาสิวที่หลัง และเคล็ดลับวิธีการดูแลด้วยตนเอง
สิวที่แผ่นหลัง ปัญหาใครหลายคน ทั้งสาวๆและหนุ่มๆ รู้สึกไม่มั่นใจกับการใส่เสื้อสายเดี่ยว เสื้อกล้าม ชุดราตรีหรือชุดว่ายน้ำเพื่อโชว์แผ่นหลังของตัวเอง มักเกิดจากความสกปรกของแผ่นหลังจากการที่มีเหงื่อออกเยอะ หรือมีการระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ บำรุงผิว แชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม
เรามี “10 เคล็ดลับการดูแลตัวเองสำหรับคนที่เป็นสิวที่หลัง” มาฝากค่ะ
เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน
ไม่คับแน่นจนเกินไป
ไม่ขัดถูผิวแรงๆ และหมั่นสระผมให้บ่อยมากขึ้น นอกจากนี้คนที่มีสิวที่หนังศีรษะที่มีลักษณะเป็นเม็ดๆ หน้าตาคล้ายกัน อาจเป็นสิวที่เกิดจากเชื้อราของรูขุมขน แนะนำให้สระผมด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของคีโทโคนาโซล(ยาฆ่าเชื้อรา) หรือถ้าไม่มั่นใจควรมาพบแพทย์เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยก่อนค่ะ
หรือก่อให้เกิดสิว ข้างกล่องควรมีคำว่า oil-free, non-comedogenic หรือ non-acnegenic
หรือกิจกรรมที่มีการกดทับแผ่นหลังเป็นระยะเวลานาน เพราะความร้อนและเหงื่อทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้
เพราะแสงแดดสามารถทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุของสิวอุดตัน และรอยดำสิวได้ นอกจากนี้ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า oil free, non-comedogenic หรือ non-acnegenic
อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
วันละ 1 ครั้ง ถ้าจะให้ดีควรใช้ร่วมกับ Retinoid gel หรือ Adapalene gel 0.1% (เวชสำอางค์กลุ่มนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาชั้นนำค่ะ)
เพราะจะทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบและแผลเป็นได้ นอกจากนี้ยังกระตุ้นการอักเสบ ทำให้เกิดสิวขึ้นใหม่ได้ด้วยค่ะ
เช่น ของหวาน นมพร่องมันเนย ฟาสต์ฟู้ด และควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว นอกจากนี้ควรทานอาหารจำพวกธัญพืช ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เนื่องจากมีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระต้านการอักเสบได้ค่ะ
สิวแบบไหนถึงต้องไปพบแพทย์
เรื่องสิวๆจะไม่สิวอีกต่อไป ถ้าเราปล่อยสิวอักเสบเยอะๆทิ้งไว้ เพราะมันอาจเกิดการอักเสบลึก จนเกิดเป็นรอยหลุมสิวหลังจากการอักเสบหายไป ซึ่งการรักษาจะยาวนานและมีราคาสูงกว่าหลายเท่า ดังนั้นการดูแลรักษาสิวแต่เนิ่นๆจะดีกว่าเยอะค่ะ โดยชนิดสิวที่ควรรีบมาพบแพทย์ มีดังต่อไปนี้
สิวจำนวนมากกว่า 10 จุดขึ้นไป
สิวหัวช้าง หรือสิวที่อักเสบมากจนมีอาการปวด บวม แดงเยอะ
สิวที่ดูแลและทายาด้วยตัวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น
รวมวิธีรักษาสิว ฉบับได้ผลจริง
แก้ไขสาเหตุและปัจจัยกระตุ้น
ซึ่งแต่ละบุคคลจะมีความแตกต่างกัน คนเป็นสิวควรทำความเข้าใจต่อโรค และสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ นอกจากนี้การรักษาสิวในบางรายอาจจะต้องใช้ระยะเวลายาวนานถึง 2-6 เดือน
ทายารักษาสิว
เป็นวิธีมาตรฐานของการรักษาสิว ซึ่งควรปรับใช้ตามลักษณะและความรุนแรงของสิว ตัวยาที่คุณหมอเลือกใช้บ่อยๆ ได้แก่ Benzac(Benzoyl peroxide), Epiduo, Retinoid, Salicylic acid และ Azelaic acid ยาปฏิชีวนะชนิดทา ได้แก่ Clindamycin หรือ Erythromycin ยาปฏิชีวนะเหล่านี้ไม่ควรทาเพียงตัวเดียว เพื่อป้องกันการดื้อยาค่ะ
ยาทานรักษาสิว
ใช้เมื่อมีสิวอักเสบเยอะหรือรุนแรง เช่น ยาปฏิชีวนะชนิดทาน หรือยาวิตามินเอ(Acnotin) ซึ่งเป็นยาที่ต้องระมัดระวังในการใช้อย่างมากและต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และเป็นพิษต่อตับหากใช้ยาไม่ถูกต้อง
กดสิว
เพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตัน ควรเลือกทำกับคลินิกที่สะอาด และมีมาตรฐานเท่านั้น เพราะหัตถการนี้มีโอกาสติดเชื้อซ้ำซ้อน จนทำให้สิวอักเสบมากขึ้น เกิดรอยแผลเป็นลึกได้
ทรีตเม้นท์รักษาสิว
ด้วยขั้นตอนที่หลากหลายของการทำทรีตเม้นท์ เช่น มาสก์ฆ่าเชื้อสิว ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ผลักตัวยา วิตามินและสารอาหารที่ใช้ในการรักษาสิวเข้าสู่ผิว จะช่วยลดการเกิดสิวอุดตันและลดความมันบนใบหน้าได้ เหมาะกับการใช้ควบคู่กับการรักษาประเภทอื่นๆ เช่น เลเซอร์ หรือฉายแสง PDT light เพื่อให้สิวให้หายเร็วขึ้นได้เป็นอย่างดี
ฉายแสง Photodynamic Therapy(PDT light)
เป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาสิว เพราะแสงฟ้าที่มีความเข้มข้นเหมาะสม สามารถช่วยฆ่าเชื้อสิว(P.Acne)ได้ เหมาะกับการใช้ควบคู่กับการรักษาวิธีอื่นในการรักษาสิวอักเสบชนิดรุนแรงค่ะ
เลเซอร์ลดสิวอักเสบ
เครื่องจะปล่อยพลังงานแสงที่มีความยาวคลื่นที่จำเพาะต่อสิว เพื่อใช้ลดการอักเสบของสิว ลดเลือนรอยแดงและรอยดำจากสิว บางเครื่องจะมีโหมดพิเศษ เช่น Photo shower เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อสิว (P.Acne) และลดโอกาสเป็นสิวซ้ำได้
ฉีดสิวด้วยสเตียรอยด์
เป็นการลดการอักเสบของสิวอย่างรวดเร็ว เหมาะกับสิวที่อักเสบขนาดใหญ่ หรือ สิวหัวช้าง อย่างไรก็ตาม สิวลักษณะนี้จำเป็นต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อการอักเสบดีขึ้น ยังมีโอกาสที่สิวจะขึ้นซ้ำได้ เนื่องจากหัวสิวเม็ดนั้นยังคงอยู่ สิ่งที่ต้องระวังในหัตถการนี้ คือ การเลือกใช้ยาที่ใช้ฉีดสิวต้องเหมาะสม และมีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ไม่ลึกจนเกินไปค่ะ
โปรแกรมรักษาสิว 10 ขั้นตอนของ Dr.Minna Clinic
พบแพทย์เพื่อให้คำปรึกษา วิเคราะห์สาเหตุการเกิดสิว ปรับ Skin care routine ที่เหมาะกับผิว และวางแผนการรักษาร่วมกัน
ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนเซอร์สูตรน้ำนม
มาสก์ฆ่าเชื้อสิว เพื่อลดสิวอักเสบ
มาสก์ฆ่าเชื้อสิว เพื่อลดสิวอักเสบ
กดสิวอุดตันโดยผู้เชี่ยวชาญ
Cryotherapy เพื่อลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิวและกระชับรูขุมขน
ลอกสิวเสี้ยน เพื่อลดการอุดตันของสิว
ฉายแสงสีฟ้า เพื่อลดการอักเสบและฆ่าเชื้อสิว
ฉีดสิวอักเสบภายใต้การพิจารณาของแพทย์
ลง Anti-acne gel และครีมกันแดดสูตรเฉพาะของคลินิก
เนื่องจากโปรแกรมรักษาสิว ไม่มีอันไหนที่ดีที่สุด การรักษาสิวที่ดีควรต้องปรับตามความเหมาะสมของลักษณะของสิวและสภาพผิวของแต่ละคน ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดค่ะ
10 ขั้นตอน ทรีตเม้นท์รักษาสิวที่แผ่นหลัง
พบแพทย์เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ วางแผนการรักษา และพิจารณาฉีดสิว
ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ด้วยคลีนเซอร์สูตรน้ำนม
Oxygen Jet Peel เติมออกซิเจน และขจัดสิ่งสกปรกระดับรูขุมขน
มากส์ลดสิวอักเสบทั่วแผ่นหลัง
กดสิวอุดตันโดยผู้เชี่ยวชาญ
ผลักเซรั่มฟื้นฟูผิวสูตรพรีเมี่ยมจากสเปน ช่วยลดรอยสิว รอยดำและรอยแดง
Cryotherapy กระชับรูขุมขนด้วยความเย็น ลดการทำงานของต่อมไขมัน พร้อมบำรุงด้วย Aloe vera gel
มาสก์แผ่นหลังด้วยกรดผลไม้ ช่วยผลัดเซลล์เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน
ฉายแสงฟ้า PDT Light
ลง Anti-Acne Gel ทั่วบริเวณที่เป็นสิว
โปรแกรมเลเซอร์สิวที่หลัง
Cellec V advanced IPL
เหมาะกับการลดรอยแดง รอยดำ ลดสิวอักเสบและฆ่าเชื้อสิว ด้วยโหมด Photo shower ซึ่งจะเว้นระยะเวลาการทำประมาณ 2-4 สัปดาห์ค่ะ
7 เหตุผลที่ควรรักษาสิวกับ Dr.Minna Clinic
แพทย์ผิวหนัง Diploma สถาบันโรคผิวหนัง หลักสูตรนานาชาติ เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดสิว ปรับ Skin care routine อย่างเหมาะสมและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างตรงจุดที่สุด
ตรงตามเวชปฏิบัติของการรักษาสิว
มีประสบการณ์ในการกดสิวมานานกว่า 6 ปี
เครื่องมือทุกชิ้นผ่านการฆ่าเชื้อด้วยเครื่องอบฆ่าเชื้อมาตรฐานโรงพยาบาล
ไม่เลี้ยงไข้ ขอดูเพิ่มได้
ไม่แพงจนเกินไป
ไม่มีห้องเชือด ไม่ยัดเยียดคอร์ส สามารถปรึกษาปัญหากับคุณหมอได้โดยตรง
หลังกดสิว ดูแลตัวเองอย่างไร
หลังทำการกดสิว ใบหน้าจะมีการอักเสบ เนื่องจากถูกกด ถูกเค้นมาพอสมควร วิธีการดูแลตัวเองหลังกดสิวที่ถูกวิธี จะทำให้รอยสิวก็จะดีขึ้นไวและช่วยให้ใบหน้ากลับมาเนียนใสได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น สิวอักเสบเยอะขึ้น ติดเชื้อซ้ำซ้อน หรือรอยแผลเป็นจากสิว ดังนั้นเราจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำการกดสิวอย่างเคร่งครัด ดังนี้ค่ะ
รีวิวเคสสิวใบหน้า
รีวิวเคสสิวแผ่นหลัง
Testimonial รักษาสิว
Testimonial คลินิก
ขอบพระคุณทุกท่านที่วางใจใช้บริการของเรา
“รอยยิ้มของคุณคือของขวัญที่ดีที่สุดของเรา”